16.8.55

นำแนะหนังสือภาษาอังกฤษ

เคยถูกคุณครูแนะนำแกมบังคับให้อ่าน หนังสือประเภทนี้ตั้งแต่ศัพท์ระดับ 500 - 1,000 คำ คำไหนที่ไม่รู้ก็มีคำอธิบายอยู่ด้านหลัง รู้สึกเรียกว่า ladder edition หรือ simplified english อะไรทำนองนี้ จำไม่ค่อยแม่นนัก เรื่องมันนานมาแล้ว

ขอ ให้เลือกหนังสือระดับที่ไม่ยากเกินไป เอาตัวเองเป็นหลัก ถ้าเราไม่เอาไหนเลยก็เริ่มมันที่เล่มหนึ่งหรือง่ายสุด  มิฉะนั้นจะเบื่อและเลิกอ่าน แต่หากอ่านแล้วเห็นว่าง่ายไปก็จะไม่พัฒนา เลือกเอากลาง ๆ ให้เหมาะกับตัวเอง รู้บ้างไม่รู้บ้าง จะทำให้กระหายที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม

จนกระทั่งการอ่านไม่ใช่ภาระที่ ครูบังคับ  แต่กลายเป็นความสนุกสนาน อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ทั้งความรู้และภาษาพร้อมกัน รวมทั้งไวยากรณ์อังกฤษที่อ่านสะสมจากหนังสือแต่ละเล่ม

ไต่ระดับจาก ง่ายไปหายาก จะอ่านกี่เล่มในแต่ละระดับก็แล้วแต่ผู้เรียนรู้จะพอใจ เพราะเปลี่ยนมุมมองจากภาคบังคับมาเป็นความสนใจใคร่รู้แล้วนี่

การ เรียนภาษาที่สองไม่ควรมุ่งเน้นเฉพาะ "ภาษา" ในความหมายอย่างแคบ แต่ควรเก็บเกี่ยวความรู้ ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ในหนังสือเล่มนั้น ๆ ในเวลาเดียวกัน จะได้ประโยชน์เพิ่มเติม เช่น Seven Inventors หรือ Six Physicists ผู้อ่านน่าจะได้เรียนรู้ประวัติของนักประดิษฐ์คิดค้น หรือ นักวิทยาศาสตร์ รวมทั้งวิธีคิด วิธีทำงานของผู้มีชื่อเสียงในยุคก่อนไปพร้อมกัน  (ทั้งสองเล่มข้างต้นดูเหมือนเป็นภาคบังคับที่คุณครูท่านออกสอบ และถูกท่านดุว่า ประจานหน้าชั้นว่าโง่เง่าจนจำชื่อเรื่องได้)

ทั้ง นี้ไม่หมายความว่าให้ท่าน จขกท ตลุยอ่านหนังสือที่แนะนำจำนวนหลาย ๆ เล่ม หลายระดับแล้วจะเก่งภาษาชั่วข้ามคืนแบบกินฟาสฟู้ด หรือในเวลาอันรวดเร็วทันใจวัยรุ่น  เรียนภาษาคล้ายการปรุงอาหาร จะให้อร่อยต้องใจเย็น ๆ

เท่าที่แนะนำ หากทำได้จะเพิ่มระดับคุณภาพการอ่าน สำนวน ศัพท์ ประโยค วลี ไวยากรณ์ไปพร้อม ๆ กัน

ที่ คู่กับการอ่านก็คือการเขียน ซึ่งนำสิ่งที่อ่านและเก็บไว้ในสะสมคลังสมองไว้เยอะแยะมาสื่อสารกับชาวบ้าน เป็นตัวอักษร เป็นประโยค เป็นเรื่องเป็นราว

คราวนี้จะได้รู้ว่าที่ อ่านมามากมายหลายปีนั้น เอามาเขียนให้ชาวบ้านเขาอ่านบ้าง เขาจะรู้เรื่องไหม ถ้ารู้อยู่คนเดียว คนอื่นไม่รู้เรื่องด้วยคงต้องกลับไปอ่านเพิ่มเติมใหม่   จะเขียนเก่ง ต้องอ่านเก่งก่อน ไม่เชื่อไปถามนักเขียนคนไหนก็ได้ว่าเป็นนักอ่านตัวยงมาก่อนหรือเปล่า จะได้คำตอบเดียวกัน  

แล้วฟังกับพูด ก็เป็นอีกคู่ที่ต้องเรียนรู้เพื่อบรรลุเป้าหมายทั้ง อ่าน-เขียน ฟัง-พูด กว่าจะขึ้นแท่นก็นานเป็นปี เรื่องนี้คงต้องคุยกันอีกกระทู้

เอาเป็นว่าเริ่ม"อ่านยังไง" ได้แล้ว ก้าวต่อไปคงทำได้

ส่วน คำถามของ จขกท ที่ว่า "แนะนำชื่อหนังสือภาษาอังกฤษ....." น่ะ ไม่มีหรอก สนใจอะไรก็อ่านไปเถอะ กว่าเขาจะพิมพ์หนังสือสักเล่มออกมาขาย เขาคงต้องคิดรอบคอบแล้วมั้งว่าขายได้ ไม่งั้นจะกล้าลงทุนพิมพ์หรือ   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

Blog Archive

ป้ายกำกับ

การทําข้อสอบreading (1) เก่งภาษาอังกฤษในเวลาสั้นๆ (1) เกมภาษาอังกฤษสำหรับอนุบาล (1) ข้อสอบพวก TOEFL (2) ข้อสอบภาษาอังกฤษ (1) ครูพี่แนน (2) คล้องจอง (1) เคล็ดลับการทำข้อสอบreading (2) จำคำศัพท์ (17) เดาศัพท์ภาษาอังกฤษ (9) ติวภาษาอังกฤษตัวต่อตัว (14) ติวศัพท์ (20) ท่องศัพท์ (14) เทคนิคการสอนคำศัพท์ (6) เทคนิคใช้that (1) แนะนำหนังสือภาษาอังกฤษ (6) บทสนทนา (2) บทสนาทนาภาษาอังกฤษ (4) ฟังภาษาอังกฤษ (3) ภาษาอังกฤษ (21) ภาษาอังกฤษกับกฎหมาย (1) ภาษาอังกฤษทางบัญชี (1) รวบรวม25กฎของอาจารย์บุญชัย (1) เร่งสปีด (1) เรียนภาษาอังกฤษ (28) เรียนภาษาอังกฤษราคาถูก (8) สอนศัพท์ (11) หลักการใช้ that (1) อาจารย์สมศรี (1) อ่านภาษาอังกฤษ (1) AX 22 (1) cd เรียนภาษาอังกฤษ (1) CDเรียนภาษาอังกฤษ (1) closing sections (1) Cloze Test (1) conversation (1) dictionary (1) fast-english (1) General knowledge (1) GMAT (1) inferior (1) Language in Daily Life (1) main idea (2) parts of speech (1) prefix and suffix (1) reading comprehension (2) reading skill (2) TOEFL (1) TOPIC NOUN (1) vocabulary (2) vocabulary game (2) word formation (2)
 
Copyright © 2011 เรียนภาษาอังกฤษ | High CTR Blogspot Themes designed by Ali Munandar | Powered by Blogger.Com.
My Zimbio
Top Stories