คำแนะนำการพัฒนาภาษาอังกฤษครับ (คำเตือน ค่อนข้างยาวครับ)
มีคนหลาย
คนมักถามว่า ทำอย่างไรกับการเตรียมตัวด้านภาษา หรือพัฒนาภาษา
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบเรียนภาษามากๆครับ แม้ว่าผมจะไม่ได้เก่งอะไรมากมาย
แต่ก็คิดว่าช่วงหนึ่งผมฝึกภาษาให้ตัวเองได้ดี และเห็นพัฒนาที่ดีขึ้น
ผม
อนุญาตออกตัวเพื่อความน่าเชื่อถือครับ ผมสอบ TOEFL ครั้งแรกได้ 600 กว่า
และ IELTS ได้ 8 (แต่ไม่ใช่ครั้งแรก) ผมไม่ใช่คนเก่งครับ
แต่ผมฝึกตัวเองหนักพอสมควร
อย่างตอนสอบโทเฟิลก็ไม่ได้ไปเรียนพิเศษที่ไหนครับ เพราะอาศัยติวตัวเอง
ผมขอใช้เนื้อที่ตรงนี้เขียนแนะนำนะและแชร์ประสบการณ์ให้ฟังนะครับ
ทักษะการเขียน ที่ดีที่สุดคือ
1)
เริ่มต้นจากการสร้างพื้นฐานไวยากรณ์ให้แน่นก่อนครับ เพื่อสร้างความมั่นใจ
ฝึกทำแบบฝึกหัดไวยากรณ์เยอะๆครับจะช่วยได้มาก
(ดูส่วนไวยากรณ์ข้างล่างเพิ่มเติมครับ)
2)
สำหรับคนที่คิดว่าพื้นไวยากรณ์พอใช้ได้แล้ว แต่อยากฝึกให้ดีกว่าที่เป็นอยู่
แนะนำให้ไปเรียนตาม รร สอนภาษาหรือ ศูนย์ภาษาของมหาลัยต่างๆครับ เช่น จุฬา
ราม ธรรมศาสตร์ คณะมนุษย์ (ม.เกษตร) ตจว ก็น่าจะมีครับ
มีครูคอยช่วยตรวจแก้ภาษาเขียนให้เราได้ ถ้าต้องการซื้อหนังสือเพื่อฝึกฝนเอง
แนะนำ การเขียนภาษาอังกฤษ ของ มสธ ครับ
สำหรับคนที่ต้องการหนังสือ
ที่ฝึกการเขียนเชิงวิชาการ ผมแนะนำ Academic Writing for Graduate
Students: A Course for Nonnative Speakers of English ผู้เขียนJohn M.
Swales & Christine B. Feak พิมพ์โดย The University of Michigan Press
ทักษะการอ่าน
1) อ่านเยอะๆครับ
คนทั่วไปมักคิดว่าทักษะนี้ง่าย
ทักษะการอ่านไม่ใช่การอ่านเพียงแค่เก็บใจความสำคัญ (main idea) กับ
รายละเอียดเท่านั้นนะครับ ยังมีทักษะย่อยๆอีกมากที่คนส่วนใหญ่มองข้ามไป
เช่นการเดาคำศัพท์จากบริบท การอ่านเร็วหรือการอ่านแบบกวาดสายตา
ที่สำคัญและยากคือการอ่านเพื่อเดาความหมายที่เป็นนัยของผู้เขียน (making
inferences) บ่อยครั้งที่ผู้เขียนต้องการสื่ออะไรบางอย่าง
แต่ไม่เขียนบอกเราตรงๆ
ทักษะนี้สำคัญมากในด้านวิชาการ
หรือการอ่านคอลัมน์ในนิตยสารหรือ นสพ
มีหนังสือหลายเล่มที่วางขายในท้องตลาดที่ช่วยฝึกการอ่านครับ
เล่มที่เป็นที่นิยมใช้และค่อนข้างดีแต่เก่าไปนิด ของอ.สมุทร เซ็นเชานิช
เทคนิคการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ หรือ การอ่านภาษาอังกฤษ ของ มสธ
ก็ดีมากครับ
2) ส่วนการอ่าน นสพ นั้นเป็นทักษะที่ค่อนข้างสูง
เพราะภาษาใน นสพ ต่างจากภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น
การใช้คำศัพท์ ถ้าอยากฝึกอ่านข่าวคล่องๆ แนะนำ English by
Newspaper-วิธีการอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษให้เข้าใจ (Terry Fredrickson)
สำหรับคนที่ไม่ค่อยมั่นใจตัวเอง
เริ่มจาก นสพ
ที่เด็กมัธยมใช้เรียนก่อนก็ได้นะครับ เช่น Student Weekly
ผมว่าง่ายและได้สาระมากมายจากการอ่านด้วยครับ นิตรสารที่ฝึกภาษาอังกฤษอื่นๆ
เช่น Future ก็โอเคครับ มีคำแปล พร้อมศัพท์ให้เรา
เป็นการปูพื้นก่อนการอ่าน พวก Time หรือ Reader’s Digest ซึ่งใช้ภาษายากมาก
คนที่ฐานไม่ค่อยดีนั้น อย่ารู้สึกอายนะครับที่จะต้องเริ่มฝึกอ่านอะไรง่าย
เช่น Student Weekly
ผมว่าเราเรียนรู้ศัพท์และสำนวนได้เยอะมากกว่าอ่านพวกยากๆนะครับ
เพราะเขามีคำแปลให้
แถมยังมีอะไรสนุกๆเกี่ยวกับภาษาให้เรียนรู้ได้เยอะด้วยครับ
จากคุณ : ครูสอนภาษาอังกฤษ - [ 25 เม.ย. 47 00:41:55 A:155.245.127.247 X: ]
ทักษะ
การฟัง ไม่มีอะไรมากมายครับ
เวลาดูละครหรือหนังฝรั่งก็พยายามฟังภาคภาษาอังกฤษ การฝึกฟังข่าวก็ช่วยได้
(แม้ว่าจะยากมากหน่อย) ผมแนะให้ฟัง ข่าว CNN หรือ วิทยุ BBC ครับ
นักข่าวจะพูดภาษาอังกฤษชัดเจนมาก รื่นหู ทนฟังไปเรื่อยๆนะครับ
สักวันมันจะต้องดีขึ้นได้
ตอนผมมาเรียนเมืองนอกใหม่ๆ
ผมฟังอาจารย์บางท่านที่พูดเร็วๆ ไม่ได้ค่อยได้
แต่อยู่ไปสักพักก็จะรู้สึกว่า มีทักษะการฟังที่ดีขึ้นครับ
ทีวีเมืองไทยบางช่องก็มีข่าวภาคภาษาอังกฤษนิครับ เช่นช่อง 11
เวลาไหนผมจำไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้ผมไม่ได้อยู่เมืองไทย ใครรู้ว่ามีช่องไหน
เวลาไหน ก็บอกเพิ่มเติมกันด้วยนะครับ ผมแนะนำหนังสือประกอบเทปฝึกฟังข่าว
ของ สถาบัน TGRE ครับ ชื่อ
NEWS READERS
ทักษะการพูด
1)
อย่ากลัวหรืออายที่จะพูดผิดครับ เพราะเจ้าของภาษาพูดผิดๆมีเยอะไปครับ
ดูเหมือนเจ้าของภาษาที่มีการศึกษาบางคน
(สังเกตจากละครหรือหนังมีให้เห็นบ่อยๆ) เขาไม่ใส่ใจด้วยซ้ำไปครับ เช่นพูด
He don’t แทน He doesn’t หรือ There’s five peopleแทน There’re five people
มีให้เห็นโดยทั่วไปเหมือนภาษาเพลงเลยครับ แต่ที่ดีที่คือ
พยายามพูดให้ถูกต้องนะดีแล้วครับ แต่ก็อย่ากลัวหรืออายทีจะพูดผิดนะครับ
2)
ถ้ามีโอกาสไปเรียนการสนทนากับเจ้าของภาษาได้ก็จะดีมากครับ เช่นที่ AUA
หรือ British Council ผมเคยเรียนที่แรก ตอน ม4 เรียนแค่ 2 คอร์ส
ก็ช่วยให้ผมพูดภาษาอังกฤษได้อย่างมากเลยครับ มั่นใจในการพูดมากขึ้น
กล้าพูดกับฝรั่ง เรียนก็สนุก (แต่นั่นมันยุคนานมาแล้วครับ)
3)
ออกเสียงให้ชัดเจนครับ ภาษาอังกฤษต่างจากเราตรงโทนเสียง มีขึ้นลง
มีการเน้นคำ (stress) ตรงนี้สำคัญมากๆเพราะถ้าใช้โทนเสียงที่ต่างกันไป
ความหมายก็เปลี่ยนไป ถ้า stress ผิดที่ ก็สือความหมายผิด เช่น refuse
ถ้าเน้นพยางค์แรกแปลว่า ขยะ ถ้าเน้นข้างหลังแปลว่าปฎิเสธ ที่แย่กว่านั้น
ไม่ใช่แค่ฝรั่งเข้าใจผิด แต่กลับฟังเราไม่รู้เรื่องด้วยครับ
ดังนั้นอย่าอายที่จะออกเสียงให้เหมือนเจ้าของภาษา
ไม่ต้องอายหรือกลัวว่าใครจะหาว่าเราดัดจริต
ไวยากรณ์
ทักษะนี้สำคัญมากๆ ต้องให้การเอาใจใส่มากๆครับ คนที่จะภาษาดีหรือไม่ดี
อยู่ที่ตรงนี้เป็นส่วนสำคัญ อีกส่วนคือความรู้ด้านศัพท์และสำนวน
1)
อาศัยการท่องจำครับ วิธีหนึ่งที่จะช่วยเราได้คือ ฝึกทำแบบฝึกหัดเยอะๆครับ
เหมือนทำโจทย์เลข ยิ่งทำแบบฝึกหัดมากยิ่งชำนาญมาก แต่ง่ายกว่าโจทย์เลข
เพราะส่วนใหญ่โจทย์ไวยากรณ์ไม่มีการพลิกแพลงเหมือนโจทย์เลข
จะมีก็แต่ข้อยกเว้นที่เราต้องจำ
2) อีกวิธีที่จะช่วยเราได้
เวลาเรียนไวยากรณ์แต่ละเรื่อง ลองพยายามนึกแต่งประโยคพูดเองง่ายๆดู เช่น
กฎข้อหนึ่งของการใช้ Present Perfect Tense คือ
ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว (แต่ไม่ระบุเวลาให้ชัดเจน)
เช่นกรณีที่ถามว่าใครทำอะไรไปแล้วหรือยัง
วิธีที่จะช่วยให้จำกฎได้
คือ นึกประโยคพูดง่ายๆ (พร้อมการออกเสียงให้ชัดเจน) ครับ นึกพูดไปเรื่อยๆ
เท่าที่จะทำได้ เช่น Have you done your homework? Have you washed the
dishes? Has she gone home? I have been to Paris twice. I have eaten lamb
before. ฯลฯ ผมเคยใช้วิธีนี้กับตัวเอง
หรือไม่ก็เอามาใช้ฝึกพูดกับเพื่อนคนไทยด้วยกัน
มันทำให้ผมจำกฎได้จนขึ้นใจเลยครับ
และไม่รู้สึกว่าการท่องจำกฎไวยากรณ์เป็นอะไรที่ยากเลย
ผมว่าท่องตำราแพทย์ยังยากกว่าหลายเท่าตัว
อยากเน้นว่า
ไวยากรณ์สำคัญมากๆ คนที่ไวยากรณ์ดีได้เปรียบทางภาษาไปเยอะเลย
นอกจากจะสำคัญกับการฟัง การเขียนแล้ว
ไวยากรณ์มีส่วนช่วยทักษะการอ่านด้วยครับ ผมแนะนำหนังสือ Grammar in Use
ของสำนักพิมพ์ Cambridge University Press สำหรับคนพื้นไม่ดีและพื้นปานกลาง
มีทั้งเวอร์ชั่น British English (เล่มสีฟ้า) American English
(เล่มสีม่วงอ่อน) มีอีกเล่ม Advanced English Grammar in Use
อันนี้ระดับยาก อาจไม่จำเป็นสำหรับคนทั่วไป เพราะผมคิดว่าเล่มแรกก็ดีพอแล้ว
ความเห็นผม หนังสือไวยากรณ์ชุดนี้ดีมาก อ่านเข้าใจง่าย
มีหนังสือแบบฝึกหัดเพิ่มเติมด้วย
(แยกต่างหากจากแบบฝึกหัดในหนังสือหลักที่มีอยู่แล้ว) Edition ล่าสุด
สีสันสวยงาม ผมไม่แนะนำให้ซื้อหนังสือไวยากรณ์ของผู้เขียนคนไทยครับ
ผมไม่ประทับใจเลยหลายๆเล่ม ที่สำคัญเสนอข้อมูลให้ผิดๆด้วย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยม
-
ห้วงเวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก ASEAN Economic Community แล้วนะครับ แต่มีอีกอย่างหนึ่งครับที่ตามมาจาก ASEAN Economic Community นั้นคือระบบ...
-
ในการทำข้อสอบภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็นข้อสอบGAT หรือข้อสอบ O-net หรือ A-net ในส่วนที่จะทำคะแนนได้ดีก็เป็นพาธ reading comprehension...
-
TOPIC ( หัวเรื่อง) Topic (หัวเรื่อง) หมายถึงสิ่งที่เป็นประเด็นรวมหรือหัวข้อที่ใช้ในการเขียน โดยมากหัวข้อเรื่องจะมี...
-
ในการทำข้อสอบ Reading และ Cloze Test ที่แน่นอนที่สุดนักเรียนต้องรู้ศัพท์ในระดับหนึ่งที่ นักเรียนควรทราบ ที่สำคัญ คนอ่านเก่ง - นักคาดการณ์...
-
เทคนิคการเรียนรู้คำศัพท์ง่ายๆด้วยการท่องศัพท์คำคล้องจองที่จะช่วยให้จดจำได้ง่าย วันนี้ผมมีตัวอย่างเล็กๆน้อยๆจากหนังสือศัพท์คำคล้องจอง 300...
-
Main idea คือใจความหลักของเรื่อง เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของเรื่องที่ผู้เขียนต้องการบอกให้ผู้อ่านทราบว่า ผู้เขียนได้เขียนเกี่ยวก...
-
ในความคิดเห็นส่วนตัวผม/การเรียนภาษาอังกฤษมีความสำคัญมาก/สำคัญกับทุกเพศ/ทุกวัย แต่การเรียน...วิธีการเรียน...ของแต่ละวัยย่อมแตกต่างกัีน ส...
-
แม้ว่าอาจารย์หลายๆท่านได้แนะนำว่า การเรียนภาษาอังกฤษอย่าไปท่องศัพท์ แต่ความเห็นผมคิดว่าจะต้องท่องศัพท์หรือศึกษาคำศัพท์ด้วย หากบางท่...
-
"ปัจจัยที่จะทำให้เราอ่านภาษาอังกฤษเข้าใจนั้น ไม่ใช่เฉพาะการแปลศัพท์อังกฤษเป็นไทยได้อย่างเดียวครับ แต่ต้องอาศัยความเข้าใจคำศัพท์นั้นๆจร...
-
การสร้างคำ (word formation) หรือ การวิเคราะห์คำ เป็นการเรียนรู้รากคำ ส่วนของคำที่เติมหน้าคำและส่วนของคำที่เติมท้ายคำ การเรียนรู้การสร้างคำช...
Blog Archive
-
▼
2012
(71)
-
▼
สิงหาคม
(55)
- เคล็ดลับการทำข้อสอบreading
- เก่งภาษาอังกฤษในเวลาสั้นๆกับครูพี่แนน
- Family and Relative
- reading comprehension strategies
- หลักการออกข้อสอบภาษาอังกฤษ
- The main idea
- เกมฝึกภาษาอังกฤษอนุบาล
- TOPIC NOUN
- Cloze Testพิชิตอย่างไรดี
- ข้อสอบMIDTERM ภาษาอังกฤษ
- Popular words
- กฎเหล็ก 10 ข้อในการจำศัพท์
- การเรียนคอร์สติวภาษาอังกฤษอาจไม่ช่วยให้คุณเก่งขึ้น
- ข้อสอบพวก TOEFL
- fast-english
- รวบรวม25กฎของอาจารย์บุญชัย
- อยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษต้องทำอย่างไร
- เทคนิคพัฒนาภาษาอังกฤษสำหรับคนที่อ่อนมากๆ
- เทคนิคการสอนคำศัพท์
- ศัพท์ภาษาอังกฤษทางบัญชีที่ต้องรู้
- ภาษา อังกฤษ กับ กฎหมาย
- อยากเก่งภาษาอังกฤษทำอย่างไรดี...ทำแบบนี้ครับ
- ครูพี่แนนแนะเรื่อเตรียมตัวสอบGATภาษาอังกฤษ
- หลักการใช้ that
- Language in Daily Life
- closing sections
- คำแนะนำการพัฒนาภาษาอังกฤษ
- นำแนะหนังสือภาษาอังกฤษ
- ทำไมต้องสอบ GMAT
- บทสนทนาที่จำเป็นต้องจำให้ได้
- แนะนำ dictionary
- General knowledge for English
- คำศัพท์พื้นฐานที่ต้องจำให้ขึ้นสอมง
- vocabulary game
- เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
- เทคนิคการจัดกิจกรรมภาษาอังกฤษ
- vocabularyหมวดคอมพิวเตอร์
- บทสนทนาที่ต้องรู้
- วิธีทำข้อสอบ Cloze Test
- วิเคราะห์ศัพท์ภาษาอังกฤษ
- คำศัพท์หมวดอินเน็ต
- word formation
- เก่งอังกฤษได้ ไม่ต้องจ่าย (แพง)
- ภาษาอังกฤษ
- อยากเก่งภาษาอังกฤษต้องคิดอย่างไร
- เตรียมสอบGATภาษาอังกฤษ
- เรียนภาษาอังกฤษเพื่อเรียนต่อต่างประเทศ
- เดาศัพท์ภาษาอังกฤษจากบริบท
- ศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์
- ศัพท์ภาษาอังกฤษทางบัญชี
- ศัพท์ภาษาอังกฤษกับหน่วยงานราชการ
- การพัฒนาทักษะความรู้และความจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
- เรียนศัพท์เพื่อทำข้อสอบศัพท์
- แนวทางพัฒนาภาษาอังกฤษ
- เก่งภาษาอังกฤษกับเวลาสั้นๆ
-
▼
สิงหาคม
(55)
เกี่ยวกับฉัน
ป้ายกำกับ
การทําข้อสอบreading
(1)
เก่งภาษาอังกฤษในเวลาสั้นๆ
(1)
เกมภาษาอังกฤษสำหรับอนุบาล
(1)
ข้อสอบพวก TOEFL
(2)
ข้อสอบภาษาอังกฤษ
(1)
ครูพี่แนน
(2)
คล้องจอง
(1)
เคล็ดลับการทำข้อสอบreading
(2)
จำคำศัพท์
(17)
เดาศัพท์ภาษาอังกฤษ
(9)
ติวภาษาอังกฤษตัวต่อตัว
(14)
ติวศัพท์
(20)
ท่องศัพท์
(14)
เทคนิคการสอนคำศัพท์
(6)
เทคนิคใช้that
(1)
แนะนำหนังสือภาษาอังกฤษ
(6)
บทสนทนา
(2)
บทสนาทนาภาษาอังกฤษ
(4)
ฟังภาษาอังกฤษ
(3)
ภาษาอังกฤษ
(21)
ภาษาอังกฤษกับกฎหมาย
(1)
ภาษาอังกฤษทางบัญชี
(1)
รวบรวม25กฎของอาจารย์บุญชัย
(1)
เร่งสปีด
(1)
เรียนภาษาอังกฤษ
(28)
เรียนภาษาอังกฤษราคาถูก
(8)
สอนศัพท์
(11)
หลักการใช้ that
(1)
อาจารย์สมศรี
(1)
อ่านภาษาอังกฤษ
(1)
AX 22
(1)
cd เรียนภาษาอังกฤษ
(1)
CDเรียนภาษาอังกฤษ
(1)
closing sections
(1)
Cloze Test
(1)
conversation
(1)
dictionary
(1)
fast-english
(1)
General knowledge
(1)
GMAT
(1)
inferior
(1)
Language in Daily Life
(1)
main idea
(2)
parts of speech
(1)
prefix and suffix
(1)
reading comprehension
(2)
reading skill
(2)
TOEFL
(1)
TOPIC NOUN
(1)
vocabulary
(2)
vocabulary game
(2)
word formation
(2)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น