25.9.55

เรียนภาษาอังกฤษราคาถูกจากเพลง


Once upon a time there was a tavern
                        Where we used to raise a glass or two
                        Remember how we laughed away the hours
                        And dreamed of all the great things we would do
                        
                                เพลงนี้มีลักษณะของการเล่าเรื่อง  เพราะจะใช้คำกริยารูปอดีตตลอดทั้งเพลง
                                เช่นคำขึ้นต้นเพลง once upon a time
                                ถ้าใครเคยอ่านนิทาน   หรือเรื่องเล่าในภาษาอังกฤษ   ก็จะพบกับคำนี้   ซึ่งแปลว่า
                                ในกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว   
                ในกาลครั้งหนึ่งมีโรงเหล้าที่ที่เราเคยชนแก้วกัน ในความจำนั้นมีแต่เสียงหัวเราะ                               คละเคล้าความฝันอันยิ่งใหญ่ในสิ่งที่เราหมายมั่นอยากจะทำ
                                tavern   แปลว่า โรงเหล้า โรงเตี๊ยม  used to  เป็นคำกริยาแปลว่า เคย  ส่วน                raise แปลว่า ยกขึ้น  raise a glass ก็หมายถึง การยกแก้วขึ้น เป็นภาพที่แสดง                        ให้เห็นถึง ความสนุกสนาน ในการดื่ม การสังสรรค์                                      
                                Those were the days my friend
                        We thought they'd never end
                        We'd sing and dance forever and a day
                        We'd live the life we choose

                               
We'd fight and never lose
                        For we were young and sure to have our way.
                                โอ้เพื่อนเอ๋ย  คืนวันเหล่านั้นที่เราคิดว่ามันจะไม่มีวันจบสิ้นอยู่ชั่วกาล    นาน 
                                ที่เราทั้งร้องและเต้น และจะดำเนินชีวิตในสิ่งที่เราเลือก
                                จะต่อสู้และคิดว่าไม่เคยพ่ายแพ้ เพราะในความเยาว์วัย
                                เราเต็มไปด้วยความมั่นใจในหนทางของเรา 
                                live  แปลว่า ดำเนินชีวิต  lose แปลว่า พ่ายแพ้ สูญเสีย
                ความหมายในท่อนต่อไปคือ
                                                Then the busy years went rushing by us
                                    We lost our starry notions on the way
                                    If by chance I'd see you in the tavern
                                    We'd smile at one another and we'd say

                               
            Those were the days my friend                                       
                                            We thought they'd never end
                                    We'd sing and dance forever and a day
                                    We'd live the life we choose          
                                    We'd fight and never lose
                                                For we were young and sure to have our way.                                                                   จากนั้นคืนปีที่เร่งรีบก็ผ่านไป   ระหว่างเวลานั้นเจตนารมณ์อันงดงามของพวกเราก็ค่อย ๆ หายไป หากโดยบังเอิญถ้าฉันได้พบเธอในโรงเหล้า เราก็คงจะยิ้มให้กัน และนึกถึงคืนวันที่เราคิดว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด ที่เราได้ร้องและเต้น เลือก      ที่จะใช้ชีวิตในหนทางที่เราเลือก ต่อสู้และไม่เคยพ่ายแพ้ มั่นใจในหนทางของพวกเรา       เพราะไฟของความเป็นหนุ่มเป็นสาวของเรา                                  
                rush   เป็นคำกริยา แปลว่า เร่งรีบ     
                notion  คือ   ความคิดความเห็น ความรู้สึก
                starry  เป็นคำคุณศัพท์ แปลว่า เต็มไปด้วยดาว  มาจากคำว่า star  ที่แปลว่า ดาว
            starry notions   ก็คือความคิดที่เต็มไปด้วยดวงดาว เป็นความคิดที่เป็นอุดมคติ
                อะไรทำนองนั้น
                by chance  คือ โดยบังเอิญ     one another  คือ อีกคนหนึ่ง             
                smile at one another  ยิ้มให้อีกคนหนึ่ง คือ ส่งยิ้มให้กัน นั่นเอง
                ถ้า เป็น shout at one another  ก็คือ ตะโกนใส่กัน กับอีกฝ่ายหนึ่ง
                                Just tonight I stood before the tavern
                        Nothing seemed the way it used to be
                        In the glass I saw a strange reflection
                        Was that lonely woman really me

                                เพียงแต่คืนนี้ฉันยืนอยู่ข้างหน้าโรงเหล้า
                        สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็น
                                ในกระจกนั้นฉันเห็นภาพสะท้อนประหลาด
                                ผู้หญิงที่ดูเปลี่ยวเหงาคนนั้นคือตัวฉันเองจริง ๆ นะหรือ
                           I stood before the tavern  คือ I stood in front of the tavern              
                                การที่ใช้  before  นั้นก็เพื่อความสละสลวยของบทเพลง
                                glass   แปลว่า แก้ว กระจกเงา ในที่นี้หมายถึง กระจก
                                strange   คือ แปลกประหลาด   
                                reflection  คือ ภาพสะท้อน
                จากนั้นก็จะเป็นการซ้ำบทสร้อยที่นึกถึงคืนวันอันสนุกสนานสมัยเมื่อยังหนุ่มสาว             
                ความหมายในท่อนสุดท้าย   
                                Through the door there came familiar laughter
                        I saw your face and heard you call my name
                        Oh my friend we're older but no wiser
                        For in our hearts the dreams are still the same

                                เสียงหัวเราะที่คุ้นหูนั้นผ่านเข้ามาทางประตู
                                ฉันเห็นเธอ แล้วก็ได้ยินเธอเรียกชื่อฉัน
                                โอ้ เพื่อนเอ๋ย แม้ว่าเราจะมีอายุมากขึ้นแต่ว่าเราก็ไม่ได้มีสติปัญญาเพิ่มมากขึ้น                                       เพราะว่าในใจของเรานั้นความนึกฝันมันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
                                คำว่า laughter แปลว่า เสียงหัวเราะ การหัวเราะ   
                                familiar  แปลว่า ที่คุ้นเคย                             
                                จากบทเพลงนี้ คิดว่าผู้หญิงคนนี้ เธอคิดว่าชีวิตที่ผ่านมาของเธอคงจะไม่ประสบ                  ความสำเร็จเท่าไหร่  ซึ่งเราดูได้จากการที่เธอมองเงาของตนเองในกระจก                                     เป็นภาพสะท้อนที่ประหลาด  strange reflection                                                                                                                                
                                คำว่า lonely woman  หญิงที่เปลี่ยวเหงา
                                และคำว่า older but no wiser ซึ่งจริงๆแล้วสำนวนที่ว่าolder and wiser นั้น
                                หมายถึง เมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น สติปัญญาก็เพิ่มมากขึ้นด้วย  แต่ในที่นี้เธอไม่ได้คิด                                เช่นนั้น คิดว่าการที่เธอผ่านชีวิตมามากพอสมควร ความรู้สึกสนุกสนานเฮฮานั้น                    ได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่เหมือนชีวิตในวัยหนุ่มสาวที่ยังมีไฟ ยังมีแรงต่อสู้ และคิดว่า                     จะไม่มีวันแพ้  แต่ในขณะนี้เธอไม่ได้คิดเช่นนั้นแล้ว   อย่างไรก็ตามเธอก็ยังนึกถึง                              คืนวันอันสนุกสนานกับเพื่อน ๆ อยู่
                                หวังว่านักศึกษาคงจะได้รับความบันเทิง และความรู้จากบทเพลงที่ได้แนะนำบ้างพอสมควร ขอให้นักศึกษาฝึกฝนบ่อย ๆ จะช่วยให้เกิดทักษะและความชำนาญมากยิ่งขึ้น
READ MORE - เรียนภาษาอังกฤษราคาถูกจากเพลง

21.9.55

เทคนิคทำข้อสอบGATภาษาอังกฤษให้ผ่านเกณฑ์

การ ที่เราจะทำข้อสอบGATภาษาอังกฤษให้ได้คะแนนดีๆ นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้ของเราเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับกลยุทธ์หรือการวางแผนการทำข้อสอบของเราด้วย ซึ่งเรื่องเหล่านี้สามารถฝึกฝนกันได้ และเราก็ได้นำกลยุทธ์ในการทำข้อสอบหรือแบบฝึกหัดมาให้นำไปทดลองใช้กันด้วย ดังนี้


1. แน่นอนว่าในการทำข้อสอบแต่ละครั้งนั้น มันต้องมีบางข้อที่เราตอบไม่ได้ (ยกเว้นเราจะเก่งเกินไปหรือข้อสอบมันง่ายเกินไป) ขอให้จำไว้ว่า อย่าดันทุรังหาคำตอบในข้อที่เราทำไม่ได้โดยที่ยังไม่ได้ข้ามไปดูข้อต่อไป เพราะการดันทุรังทำมันอยู่ข้อเดียวนั้นทำให้เสียเวลาที่จะเอาไว้ทำข้ออื่น ซึ่งเราสามารถตอบได้ ที่สำคัญจะทำให้เราลนลานเมื่อรู้ว่าเวลากำลังจะหมดแต่ข้อสอบยังเหลืออีกหลาย ข้อที่ยังไม่ได้ทำ

2. ถ้าเป็นไปได้ พยายามทำข้อสอบไปเรื่อยๆ จนหมด โดยเลือกทำเฉพาะข้อที่เรามั่นใจมากๆ เสียก่อน ข้อไหนที่ยังไม่มั่นใจก็ให้เว้นเอาไว้

3. เมื่อทำข้อสอบจนหมดแล้ว จึงค่อยย้อนกลับมาทำในข้อที่เราเว้นไว้เมื่อสักครู่ และก็อีกเช่นเดิมคือ เลือกทำข้อที่พอจะทำได้จนหมดก่อน ส่วนข้อไหนที่คิดว่ายากจริงๆ ก็ให้เว้นไว้

4. หลังจากทำข้อสอบจนถึงหน้าสุดท้ายเป็นรอบที่ 2 แล้ว ทีนี้เราก็จะเหลือแต่ข้อสอบข้อที่ยากมากๆ หรือข้อที่เราทำไม่ได้จริงๆ

5. ในการตอบคำถามข้อสุดยากเหล่านี้ บางครั้งก็ต้องอาศัยการเดาเข้าช่วย แต่ถึงจะเดาอย่างไรก็ควรเดาให้มีความเป็นไปได้มากที่สุด อย่าเดาสุ่มแบบที่เรียกว่าหลับตาจิ้มเด็ดขาด ต้องอ่านคำถามแล้วเลือกคำตอบที่คิดว่าพอจะเป็นไปได้มากที่สุด และต้องอาศัยความเด็ดเดี่ยวพอสมควร เพราะคำตอบแรกที่นึกขึ้นได้มักจะมีความเป็นไปได้ว่าจะถูกมากที่สุด เมื่อตอบแล้วจึงต้องข้ามไปเลย อย่าลังเลย้อนกลับมาแก้ไขใหม่

6. จำไว้ว่าถ้าเป็นข้อสอบแบบอัตนัย (บรรยาย) อย่าเว้นช่องคำตอบให้ว่าง เขียนอะไรก็ได้ที่พอจะเกี่ยวข้องหรือพอจะนึกได้ลงไป อย่างน้อยถ้าโชคดีไปเจอคนตรวจข้อสอบใจดีก็อาจจะได้คะแนนค่าน้ำหมึกมาบ้างก็ ยังดีกว่าไม่ได้คะแนนเลย ส่วนถ้าเป็นข้อสอบแบบปรนัย (ตัวเลือก) ยิ่งห้ามเว้นว่างเด็ดขาด เพราะถึงจะมั่วขนาดไหน แต่เราก็มีโอกาสตอบถูกถึง 1 ใน 4 หรือ 25% เลยทีเดียว

7. พยายามสังเกตเวลาแต่อย่าแตกตื่นกับเวลา สังเกตเวลาเพื่อนำมาคำนวณกับจำนวนข้อสอบที่เหลือให้เหมาะสม แต่ถ้ามันเหลือเวลาน้อยเกินไปก็อย่าตกใจ ให้เลือกทำข้อที่ทำได้ไปก่อน แล้วสุดท้ายค่อยเดาคำตอบข้อที่เหลือ

8. ห้ามโกงโดยเด็ดขาด เพราะการทำข้อสอบหรือแบบฝึกหัดให้อะไรกับเราได้มากมาย ถ้าเราโกง มันก็จะไม่ได้ช่วยอะไรเราเลยในระยะยาว




ข้อควรจำ

1. ถ้าเราไม่รู้คำตอบก็อย่าไปกังวล เพราะการกังวลกับสิ่งที่เราไม่รู้มากเกินไปนั้น มันจะบั่นทอนจิตใจและความมั่นใจของเราจนทำให้เราไม่สามารถแสดงศักยภาพที่แท้ จริงออกมาได้

2. จำไว้ว่าการทำข้อสอบหรือแบบฝึกหัดนั้นไม่ใช่แค่การทดสอบความสามารถของ เราเท่านั้น แต่มันยังช่วยให้รู้ว่าเราจำเป็นที่จะต้องใช้ความมุ่งมั่นในการพัฒนาทักษะ ภาษาอังกฤษของเราอีกสักแค่ไหน

3. ถ้ายังไม่เข้าใจว่าเราตอบคำถามผิดอย่างไร ต้องกล้าที่จะถามครูหรือผู้รู้ การมัวแต่อายในความผิดพลาดไม่ได้ช่วยให้คุณพัฒนาขึ้นได้เลย ดังนั้น จงถาม!
READ MORE - เทคนิคทำข้อสอบGATภาษาอังกฤษให้ผ่านเกณฑ์

19.9.55

วิธีเรียนภาษาอังกฤษราคาถูกให้เก่ง


นั้นเป็นอีดเรื่องนึงที่หลายๆ คนอยากรู้มากๆ สงสัยกันบ้างมั้ยว่า แอ๊ะทำไมเพื่อเราคนนี้ มันเก่งภาษาอังกฤษจัง มันก็คนไทเหมือนเรา โอ้ย อิจฉา วันนี้ทาง Eazy.com เลยขอนำเสนอบทความวิธีเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง เอาหละถ้าพร้อมที่จะเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง ก็ลุยกันเลย
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เราจะต้องมี Passion หรือ ความรู้สึกที่ดีกับสิ่งนี้ หากคุณไม่ทราบว่าอะไรคือ Passion หรือ ความรู้สึกที่ดี คืออะไร ลองย้อนกลับไปมองสิ่งต่างๆ ที่คุณเคยอยากได้ อยากมีสิครับ ยกตัวอย่างเช่น คุณอยากได้เสื้อผ้าดีๆ สวยๆ กระเป๋ายี่ห้อดังๆ หรือ แม้แต่ตอนที่คุณจีบแฟนคุณ เหล่านี้เกิดขึ้นเพราะคุณมี Passion ซึ่งทำให้คุณทุ่มเทพละกำลัง ความตั้งใจ ความพยายามให้ได้มันมา เพราะรู้ว่า มันมีค่ากับคุณแน่นอน ภาษาอังกฤษก็เช่นเดียวกัน สิ่งแรกที่คุณต้องมีคือ Passion หรือ ความรู้สึกที่ดีต่อภาษาอังกฤษ ซึ่งเราต้องคิดต่อว่า แล้วเราจำเป็นต้องรู้ หรือ มีภาษาอังกฤษไว้ทำไม คำตอบคือ ต้องมีครับ (Must have) เพราะในปัจจุบันนี้ทุกอย่างในชีวิตประจำวันเราคือ ภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนและการ ทำงาน อันจะนำมาซึ่งความก้าวหน้าในทุกๆ ด้าน
ในปัจจุบันนี้ การรู้ภาษาอังกฤษไม่ใช่เป็นเรื่องของความสามารถพิเศษแล้ว ลองจินตนาการการสอบสัมภาษณ์เข้าทำงานของบริษัท เมื่อคุณตอบคำถามว่า คุณทราบภาษาอังกฤษ ผู้ที่สัมภาษณ์คุณไม่ได้มองว่าคุณมีความสามารถที่โดดเด่นไปจากคนอื่นเลย บางบริษัทที่มีชื่อเสียง ยังบังคับให้คุณไปสอบภาษาอังกฤษกับการสอบที่มาตรฐาน เช่น TOEIC, TOELF, IELS ตลอดจน CU-TEP, TU-GET แล้วนำคะแนนสอบที่ผ่านตามเกณฑ์มาร่วมพิจารณากับคุณสมบัติอื่นๆ ส่วนการสอบเข้าเรียนในระดับต่างๆ แทบไม่ต้องกล่าวถึง ต้องใช้คะแนนภาษาอังกฤษมาเป็นเกณฑ์ หรือ แทบจะเป็นตัววัดตัวสุดท้ายในการตัดสินในการเข้าศึกษา
ยิ่งกล่าวไปทำ ให้เครียด จนมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อภาษาอังกฤษ เราลองย้อนกลับมาพิจารณา แล้วจะทำอย่างไรให้เก่งภาษาอังกฤษ ผมคิดว่าคงไม่มีกฎเกณฑ์ใดตายตัว หากแต่จะเป็นเรื่องของการแนะนำส่วนตัว แต่ท้ายที่สุดต้องขึ้นกับผู้ที่ศึกษาเองว่ามี Passion แล้วทุ่มเทกับภาษาอังกฤษ แค่ไหน ดังนั้นผมขอแนะนำวิธีการเรียนรู้ที่สามารถนำเอาไปใช้ นะครับ
หากแยกประเภทการเรียนภาษาอังกฤษ ผมขอแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก คือ
1.ไวยากรณ์(Grammar)
2.ศัพท์(
Vocabulary)
3.การอ่าน(
Reading)
4.การเขียน(
Writing)
5.การฟัง(
Listening)
6. การพูด (
Speaking)
1.ไวยากรณ์(Grammar)
ไวยากรณ์ หรือ ภาษาอังกฤษ เรียกว่า
Grammar ถือว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับคนไทยเรามาเป็นเวลาหลายสิบปี การเรียนรู้ภาษาอังกฤษขึ้นต้นของผู้เรียน ก็เริ่มจากการเรียนไวยากรณ์ ซึ่งใช้เวลาเกือบสิบปี เรียนกันตั้งแต่เด็กไปถึงผู้ใหญ่ ก็ยังไม่จบ เลยทำให้มีคำถามตามมาว่า ทำไมต้องเรียน เรียนแล้วก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้
จริง แล้วการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะทำให้ทราบถึงรูปแบบของภาษาในการเรียงถ้อยร้อยคำที่ถูกต้อง เพื่อนำไปใช้ในการสื่อสารให้เข้าใจระหว่างกัน การเรียนไวยากรณ์ต้องใช้ความอดทนในการทำความเข้าใจและจดจำ กฎ และข้อยกเว้นต่างๆ (ซึ่งข้อยกเว้นต่างๆ มักจะนำไปออกข้อสอบ) อีกทั้งต้องคอยสังเกตรูปแบบ
การเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ แทบจะไม่มีอะไรมาก นอกเสียจากลองไปหาหนังสือไวยากรณ์ดีๆ สักเล่ม ลองเลือกเล่มที่ไม่ต้องหนามาก เอาขนาดกลางๆ ก็พอ แล้วค่อยๆ ศึกษา ทบทวน กอปรนึกถึงตอนเคยได้รับการเรียนรู้มาแล้ว จากนั้นทำแบบฝึกหัด หากคุณไม่สามารถบังคับตัวคุณให้ทำอย่างนี้ได้ ลองเดินไปเรียนพิเศษ หรือติวหลักไวยากรณ์ เพื่อจะได้เรียนรู้หลักการจำ การทำความเข้าใจภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจจะทำให้คุณเข้าใจไวยกรณ์ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น แต่เมื่อเรียนจบแล้ว คุณต้องกลับมาทบทวน ทำความเข้าใจเรื่อยๆ นะครับ มิฉะนั้นแล้ว ทุกอย่างจะกลับไปคืนผู้สอนหมด ทำให้คุณเสียเงินและยังเสียเวลา แล้วไม่ได้อะไรอีก
READ MORE - วิธีเรียนภาษาอังกฤษราคาถูกให้เก่ง

เรียนภาษาอังกฤษราคาถูกจากการฟังเพลง


ภาษาอังกฤษราคาถูกในชีวิตประจำวันในตอนนี้ เป็นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษราคาถูกจากบทเพลงที่ชื่อว่า    Those Were The Days
เนื้อเพลง: Those  Were The Days
                                                                                                ของ Mary Hopkins
Once upon a time there was a tavern
            Where we used to raise a glass or two
            Remember how we laughed away the hours
            And dreamed of all the great things we would do
            Those were the days my friend
            We thought they'd never end
            We'd sing and dance forever and a day
            We'd live the life we choose
            We'd fight and never lose
            For we were young and sure to have our way.
            La la la la...
            Those were the days, oh yes those were the days
Then the busy years went rushing by us
            We lost our starry notions on the way
            If by chance I'd see you in the tavern
            We'd smile at one another and we'd say
Those were the days my friend
            We thought they'd never end
            We'd sing and dance forever and a day
            We'd live the life we choose
            We'd fight and never lose
            For we were young and sure to have our way.
            La la la la...
Those were the days, oh yes those were the days
            Just tonight I stood before the tavern
            Nothing seemed the way it used to be
            In the glass I saw a strange reflection
            Was that lonely woman really me                                                                       
            Those were the days my friend
            We thought they'd never end
            We'd sing and dance forever and a day
            We'd live the life we choose
            We'd fight and never lose
            For we were young and sure to have our way.
            La la la la...
Those were the days, oh yes those were the days
            Through the door there came familiar
laughter
            I saw your face and heard you call my name
       Oh my friend we're older but no wiser
For in our hearts the dreams are still the same
          Those were the days my friend
            We thought they'd never end
            We'd sing and dance forever and a day
            We'd live the life we choose
            We'd fight and never lose
            For we were young and sure to have our way.
            La la la la...
            Those were the days, oh yes those were the days
สำหรับเพลงนี้ จะมีท่วงทำนองที่สนุกสนาน  และก็มีทั้งช่วงที่เพลงกระชับสนุกสนานและช้า ๆ ไปพร้อม ๆ กัน   เนื้อหาของเพลงว่าดังนี้
               
                                Once upon a time there was a tavern
                        Where we used to raise a glass or two
                        Remember how we laughed away the hours
                        And dreamed of all the great things we would do
                        
                                เพลงนี้มีลักษณะของการเล่าเรื่อง  เพราะจะใช้คำกริยารูปอดีตตลอดทั้งเพลง
                                เช่นคำขึ้นต้นเพลง once upon a time
                                ถ้าใครเคยอ่านนิทาน   หรือเรื่องเล่าในภาษาอังกฤษราคาถูก   ก็จะพบกับคำนี้   ซึ่งแปลว่า
                                ในกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว   
                ในกาลครั้งหนึ่งมีโรงเหล้าที่ที่เราเคยชนแก้วกัน ในความจำนั้นมีแต่เสียงหัวเราะ                               คละเคล้าความฝันอันยิ่งใหญ่ในสิ่งที่เราหมายมั่นอยากจะทำ
                                tavern   แปลว่า โรงเหล้า โรงเตี๊ยม  used to  เป็นคำกริยาแปลว่า เคย  ส่วน                raise แปลว่า ยกขึ้น  raise a glass ก็หมายถึง การยกแก้วขึ้น เป็นภาพที่แสดง                        ให้เห็นถึง ความสนุกสนาน ในการดื่ม การสังสรรค์                                      
                                Those were the days my friend
                        We thought they'd never end
                        We'd sing and dance forever and a day
                        We'd live the life we choose

                               
We'd fight and never lose
                        For we were young and sure to have our way.
                                โอ้เพื่อนเอ๋ย  คืนวันเหล่านั้นที่เราคิดว่ามันจะไม่มีวันจบสิ้นอยู่ชั่วกาล    นาน 
                                ที่เราทั้งร้องและเต้น และจะดำเนินชีวิตในสิ่งที่เราเลือก
                                จะต่อสู้และคิดว่าไม่เคยพ่ายแพ้ เพราะในความเยาว์วัย
                                เราเต็มไปด้วยความมั่นใจในหนทางของเรา 
                                live  แปลว่า ดำเนินชีวิต  lose แปลว่า พ่ายแพ้ สูญเสีย
                ความหมายในท่อนต่อไปคือ
                                                Then the busy years went rushing by us
                                    We lost our starry notions on the way
                                    If by chance I'd see you in the tavern
                                    We'd smile at one another and we'd say

                               
            Those were the days my friend                                       
                                            We thought they'd never end
                                    We'd sing and dance forever and a day
                                    We'd live the life we choose          
                                    We'd fight and never lose
                                                For we were young and sure to have our way.                                                                   จากนั้นคืนปีที่เร่งรีบก็ผ่านไป   ระหว่างเวลานั้นเจตนารมณ์อันงดงามของพวกเราก็ค่อย ๆ หายไป หากโดยบังเอิญถ้าฉันได้พบเธอในโรงเหล้า เราก็คงจะยิ้มให้กัน และนึกถึงคืนวันที่เราคิดว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด ที่เราได้ร้องและเต้น เลือก      ที่จะใช้ชีวิตในหนทางที่เราเลือก ต่อสู้และไม่เคยพ่ายแพ้ มั่นใจในหนทางของพวกเรา       เพราะไฟของความเป็นหนุ่มเป็นสาวของเรา                                  
                rush   เป็นคำกริยา แปลว่า เร่งรีบ     
                notion  คือ   ความคิดความเห็น ความรู้สึก
                starry  เป็นคำคุณศัพท์ แปลว่า เต็มไปด้วยดาว  มาจากคำว่า star  ที่แปลว่า ดาว
            starry notions   ก็คือความคิดที่เต็มไปด้วยดวงดาว เป็นความคิดที่เป็นอุดมคติ
                อะไรทำนองนั้น
                by chance  คือ โดยบังเอิญ     one another  คือ อีกคนหนึ่ง             
                smile at one another  ยิ้มให้อีกคนหนึ่ง คือ ส่งยิ้มให้กัน นั่นเอง
                ถ้า เป็น shout at one another  ก็คือ ตะโกนใส่กัน กับอีกฝ่ายหนึ่ง
                                Just tonight I stood before the tavern
                        Nothing seemed the way it used to be
                        In the glass I saw a strange reflection
                        Was that lonely woman really me

                                เพียงแต่คืนนี้ฉันยืนอยู่ข้างหน้าโรงเหล้า
                        สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็น
                                ในกระจกนั้นฉันเห็นภาพสะท้อนประหลาด
                                ผู้หญิงที่ดูเปลี่ยวเหงาคนนั้นคือตัวฉันเองจริง ๆ นะหรือ
                           I stood before the tavern  คือ I stood in front of the tavern              
                                การที่ใช้  before  นั้นก็เพื่อความสละสลวยของบทเพลง
                                glass   แปลว่า แก้ว กระจกเงา ในที่นี้หมายถึง กระจก
                                strange   คือ แปลกประหลาด   
                                reflection  คือ ภาพสะท้อน
                จากนั้นก็จะเป็นการซ้ำบทสร้อยที่นึกถึงคืนวันอันสนุกสนานสมัยเมื่อยังหนุ่มสาว             
                ความหมายในท่อนสุดท้าย   
                                Through the door there came familiar laughter
                        I saw your face and heard you call my name
                        Oh my friend we're older but no wiser
                        For in our hearts the dreams are still the same

                                เสียงหัวเราะที่คุ้นหูนั้นผ่านเข้ามาทางประตู
                                ฉันเห็นเธอ แล้วก็ได้ยินเธอเรียกชื่อฉัน
                                โอ้ เพื่อนเอ๋ย แม้ว่าเราจะมีอายุมากขึ้นแต่ว่าเราก็ไม่ได้มีสติปัญญาเพิ่มมากขึ้น                                       เพราะว่าในใจของเรานั้นความนึกฝันมันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
                                คำว่า laughter แปลว่า เสียงหัวเราะ การหัวเราะ   
                                familiar  แปลว่า ที่คุ้นเคย                             
                                จากบทเพลงนี้ คิดว่าผู้หญิงคนนี้ เธอคิดว่าชีวิตที่ผ่านมาของเธอคงจะไม่ประสบ                  ความสำเร็จเท่าไหร่  ซึ่งเราดูได้จากการที่เธอมองเงาของตนเองในกระจก                                     เป็นภาพสะท้อนที่ประหลาด  strange reflection                                                                                                                                
                                คำว่า lonely woman  หญิงที่เปลี่ยวเหงา
                                และคำว่า older but no wiser ซึ่งจริงๆแล้วสำนวนที่ว่าolder and wiser นั้น
                                หมายถึง เมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น สติปัญญาก็เพิ่มมากขึ้นด้วย  แต่ในที่นี้เธอไม่ได้คิด                                เช่นนั้น คิดว่าการที่เธอผ่านชีวิตมามากพอสมควร ความรู้สึกสนุกสนานเฮฮานั้น                    ได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่เหมือนชีวิตในวัยหนุ่มสาวที่ยังมีไฟ ยังมีแรงต่อสู้ และคิดว่า                     จะไม่มีวันแพ้  แต่ในขณะนี้เธอไม่ได้คิดเช่นนั้นแล้ว   อย่างไรก็ตามเธอก็ยังนึกถึง                              คืนวันอันสนุกสนานกับเพื่อน ๆ อยู่
                                หวังว่านักศึกษาคงจะได้รับความบันเทิง และความรู้จากบทเพลงที่ได้แนะนำบ้างพอสมควร ขอให้นักศึกษาฝึกฝนบ่อย ๆ จะช่วยให้เกิดทักษะและความชำนาญมากยิ่งขึ้น
READ MORE - เรียนภาษาอังกฤษราคาถูกจากการฟังเพลง

บทความที่ได้รับความนิยม

ป้ายกำกับ

การทําข้อสอบreading (1) เก่งภาษาอังกฤษในเวลาสั้นๆ (1) เกมภาษาอังกฤษสำหรับอนุบาล (1) ข้อสอบพวก TOEFL (2) ข้อสอบภาษาอังกฤษ (1) ครูพี่แนน (2) คล้องจอง (1) เคล็ดลับการทำข้อสอบreading (2) จำคำศัพท์ (17) เดาศัพท์ภาษาอังกฤษ (9) ติวภาษาอังกฤษตัวต่อตัว (14) ติวศัพท์ (20) ท่องศัพท์ (14) เทคนิคการสอนคำศัพท์ (6) เทคนิคใช้that (1) แนะนำหนังสือภาษาอังกฤษ (6) บทสนทนา (2) บทสนาทนาภาษาอังกฤษ (4) ฟังภาษาอังกฤษ (3) ภาษาอังกฤษ (21) ภาษาอังกฤษกับกฎหมาย (1) ภาษาอังกฤษทางบัญชี (1) รวบรวม25กฎของอาจารย์บุญชัย (1) เร่งสปีด (1) เรียนภาษาอังกฤษ (28) เรียนภาษาอังกฤษราคาถูก (8) สอนศัพท์ (11) หลักการใช้ that (1) อาจารย์สมศรี (1) อ่านภาษาอังกฤษ (1) AX 22 (1) cd เรียนภาษาอังกฤษ (1) CDเรียนภาษาอังกฤษ (1) closing sections (1) Cloze Test (1) conversation (1) dictionary (1) fast-english (1) General knowledge (1) GMAT (1) inferior (1) Language in Daily Life (1) main idea (2) parts of speech (1) prefix and suffix (1) reading comprehension (2) reading skill (2) TOEFL (1) TOPIC NOUN (1) vocabulary (2) vocabulary game (2) word formation (2)
 
Copyright © 2011 เรียนภาษาอังกฤษ | High CTR Blogspot Themes designed by Ali Munandar | Powered by Blogger.Com.
My Zimbio
Top Stories