Once upon a time there was a tavern
Where we used to raise a glass or two
Remember how we laughed away the hours
And dreamed of all the great things we would do
Where we used to raise a glass or two
Remember how we laughed away the hours
And dreamed of all the great things we would do
เพลงนี้มีลักษณะของการเล่าเรื่อง เพราะจะใช้คำกริยารูปอดีตตลอดทั้งเพลง
เช่นคำขึ้นต้นเพลง
once upon a time
ถ้าใครเคยอ่านนิทาน
หรือเรื่องเล่าในภาษาอังกฤษ ก็จะพบกับคำนี้
ซึ่งแปลว่า
ในกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ในกาลครั้งหนึ่งมีโรงเหล้าที่ที่เราเคยชนแก้วกัน
ในความจำนั้นมีแต่เสียงหัวเราะ คละเคล้าความฝันอันยิ่งใหญ่ในสิ่งที่เราหมายมั่นอยากจะทำ
tavern แปลว่า โรงเหล้า
โรงเตี๊ยม used to เป็นคำกริยาแปลว่า เคย ส่วน raise แปลว่า ยกขึ้น
raise a glass ก็หมายถึง การยกแก้วขึ้น เป็นภาพที่แสดง ให้เห็นถึง ความสนุกสนาน
ในการดื่ม การสังสรรค์
Those were the days my
friend
We thought they'd never end
We'd sing and dance forever and a day
We'd live the life we choose
We'd fight and never lose
For we were young and sure to have our way.
We thought they'd never end
We'd sing and dance forever and a day
We'd live the life we choose
We'd fight and never lose
For we were young and sure to have our way.
โอ้เพื่อนเอ๋ย
คืนวันเหล่านั้นที่เราคิดว่ามันจะไม่มีวันจบสิ้นอยู่ชั่วกาล นาน
ที่เราทั้งร้องและเต้น
และจะดำเนินชีวิตในสิ่งที่เราเลือก
จะต่อสู้และคิดว่าไม่เคยพ่ายแพ้
เพราะในความเยาว์วัย
เราเต็มไปด้วยความมั่นใจในหนทางของเรา
live แปลว่า ดำเนินชีวิต lose แปลว่า พ่ายแพ้ สูญเสีย
ความหมายในท่อนต่อไปคือ
Then the busy years went rushing by us
We lost our starry notions on the way
If by chance I'd see you in the tavern
We'd smile at one another and we'd say
Those were the days my friend
We lost our starry notions on the way
If by chance I'd see you in the tavern
We'd smile at one another and we'd say
Those were the days my friend
We thought they'd never end
We'd sing and dance forever and a day
We'd live the life we choose
We'd sing and dance forever and a day
We'd live the life we choose
We'd fight
and never lose
For we were young and sure to have our way. จากนั้นคืนปีที่เร่งรีบก็ผ่านไป ระหว่างเวลานั้นเจตนารมณ์อันงดงามของพวกเราก็ค่อย
ๆ หายไป หากโดยบังเอิญถ้าฉันได้พบเธอในโรงเหล้า เราก็คงจะยิ้มให้กัน
และนึกถึงคืนวันที่เราคิดว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด ที่เราได้ร้องและเต้น เลือก ที่จะใช้ชีวิตในหนทางที่เราเลือก ต่อสู้และไม่เคยพ่ายแพ้
มั่นใจในหนทางของพวกเรา เพราะไฟของความเป็นหนุ่มเป็นสาวของเรา
rush เป็นคำกริยา แปลว่า เร่งรีบ
notion คือ ความคิดความเห็น ความรู้สึก
starry เป็นคำคุณศัพท์ แปลว่า เต็มไปด้วยดาว
มาจากคำว่า star ที่แปลว่า ดาว
starry notions ก็คือความคิดที่เต็มไปด้วยดวงดาว
เป็นความคิดที่เป็นอุดมคติ
อะไรทำนองนั้น
by chance คือ โดยบังเอิญ
one another คือ อีกคนหนึ่ง
smile at one another ยิ้มให้อีกคนหนึ่ง คือ
ส่งยิ้มให้กัน นั่นเอง
ถ้า เป็น shout at one another ก็คือ ตะโกนใส่กัน กับอีกฝ่ายหนึ่ง
Just tonight I stood before
the tavern
Nothing seemed the way it used to be
In the glass I saw a strange reflection
Was that lonely woman really me
เพียงแต่คืนนี้ฉันยืนอยู่ข้างหน้าโรงเหล้า
Nothing seemed the way it used to be
In the glass I saw a strange reflection
Was that lonely woman really me
เพียงแต่คืนนี้ฉันยืนอยู่ข้างหน้าโรงเหล้า
สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็น
ในกระจกนั้นฉันเห็นภาพสะท้อนประหลาด
ผู้หญิงที่ดูเปลี่ยวเหงาคนนั้นคือตัวฉันเองจริง
ๆ นะหรือ
I stood before the tavern คือ I stood in front of the tavern
การที่ใช้ before นั้นก็เพื่อความสละสลวยของบทเพลง
glass แปลว่า แก้ว กระจกเงา ในที่นี้หมายถึง กระจก
strange คือ แปลกประหลาด
reflection คือ ภาพสะท้อน
จากนั้นก็จะเป็นการซ้ำบทสร้อยที่นึกถึงคืนวันอันสนุกสนานสมัยเมื่อยังหนุ่มสาว
ความหมายในท่อนสุดท้าย
Through the door there came
familiar laughter
I saw your face and heard you call my name
Oh my friend we're older but no wiser
For in our hearts the dreams are still the same
เสียงหัวเราะที่คุ้นหูนั้นผ่านเข้ามาทางประตู
I saw your face and heard you call my name
Oh my friend we're older but no wiser
For in our hearts the dreams are still the same
เสียงหัวเราะที่คุ้นหูนั้นผ่านเข้ามาทางประตู
ฉันเห็นเธอ
แล้วก็ได้ยินเธอเรียกชื่อฉัน
โอ้ เพื่อนเอ๋ย
แม้ว่าเราจะมีอายุมากขึ้นแต่ว่าเราก็ไม่ได้มีสติปัญญาเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าในใจของเรานั้นความนึกฝันมันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
คำว่า laughter แปลว่า
เสียงหัวเราะ การหัวเราะ
familiar แปลว่า ที่คุ้นเคย
จากบทเพลงนี้
คิดว่าผู้หญิงคนนี้ เธอคิดว่าชีวิตที่ผ่านมาของเธอคงจะไม่ประสบ ความสำเร็จเท่าไหร่ ซึ่งเราดูได้จากการที่เธอมองเงาของตนเองในกระจก เป็นภาพสะท้อนที่ประหลาด
strange reflection
คำว่า lonely
woman หญิงที่เปลี่ยวเหงา
และคำว่า older but no wiser ซึ่งจริงๆแล้วสำนวนที่ว่าolder and wiser นั้น
หมายถึง เมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น สติปัญญาก็เพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ในที่นี้เธอไม่ได้คิด เช่นนั้น
คิดว่าการที่เธอผ่านชีวิตมามากพอสมควร ความรู้สึกสนุกสนานเฮฮานั้น ได้เปลี่ยนแปลงไป
ไม่เหมือนชีวิตในวัยหนุ่มสาวที่ยังมีไฟ ยังมีแรงต่อสู้ และคิดว่า จะไม่มีวันแพ้ แต่ในขณะนี้เธอไม่ได้คิดเช่นนั้นแล้ว อย่างไรก็ตามเธอก็ยังนึกถึง คืนวันอันสนุกสนานกับเพื่อน
ๆ อยู่
หวังว่านักศึกษาคงจะได้รับความบันเทิง
และความรู้จากบทเพลงที่ได้แนะนำบ้างพอสมควร ขอให้นักศึกษาฝึกฝนบ่อย ๆ
จะช่วยให้เกิดทักษะและความชำนาญมากยิ่งขึ้น