16.9.55

เทคนิคการแปล


Technique      01        การแปลสุภาษิต  คำพังเพย และสำนวนต่าง   

สุภาษิตหรือคำพังเพย คือ ข้อความสั้น ๆ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไป มีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสอนหรือเตือนใจผู้อ่าน  สุภาษิตหรือคำพังเพยในภาษาใดก็ตามมักสะท้อนวัฒนธรรมของเจ้าของภาษานั้น  โดยแสดงให้เห็นชีวิตความเป็นอยู่  ลักษณะนิสัย ความคิดอ่าน ตลอดจนรสนิยมต่าง ๆ ปัญหาก็คือ ถ้าผู้แปลไม่เข้าใจวัฒนธรรมตลอดจนเรื่องต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้  ก็อาจแปลออกมาได้ไม่เป็นที่เข้าใจของผู้อ่าน

               ส่วนสำนวน คือ ลักษณะข้อความที่มีความหมายแฝงอยู่  และเป็นปัญหาที่ยากกว่าการแปลคำศัพท์ธรรมดา  เพราะผู้แปลไม่ทราบว่าข้อความนั้นเป็นสำนวน   จึงแปลออกมาตรง ๆ  หรือถึงทราบว่าเป็นสำนวนก็อาจไม่เข้าใจความหมายหรือเข้าใจแต่ไม่อาจแปลออกมาให้ผู้อ่านที่เป็นคนไทยเข้าใจได้ เช่น
  He was soaking wet; he looked like a drowned rat.
มีผู้แปลว่า              :               เขาเปียกราวกับหนูตกน้ำ
ควรแปลว่า            :               เขาเปียกปอนมองดูเหมือนลูกหมาตกน้ำ  
     
การแปลโดยปรับความหมายให้เทียบกับสำนวนไทยจะทำให้ผู้อ่านที่เป็นคนไทย  เข้าใจสำนวนนี้ได้ดีขึ้น   วิธีแปล   
1.    ในการแปลสุภาษิตหรือคำพังเพย   ถ้าสามารถเปรียบเทียบความหมายโดยใช้สุภาษิตหรือคำพังเพยของไทยในความหมายเดียวกันได้ก็ให้ใช้สุภาษิตไทย ถือว่าเป็นการแปลแบบเทียบเคียง  ดังตัวอย่างที่ยกมาแล้ว
2.    ถ้าไม่มีความสามารถแปลเทียบเคียงได้  ก็ให้แปลออกมาตรง ๆ แล้วอธิบายความหมายของสุภาษิตนั้นไว้ในวงเล็บ
3.    ในการแปลสำนวน   ถ้าสงสัยว่าเป็นสำนวนให้ตรวจสอบกับพจนานุกรมหรือเจ้าของภาษา ในการเปิดจากพจนานุกรมให้เปิดหาจากคำหลักของสำนวนนั้น เช่น  to vanish into thin air ก็ให้หาจากคำว่า air  นอกจากการหาความหมายที่ถูกต้องของสำนวนจากพจนานุกรมหรือเจ้าของภาษาแล้ว ควรพยายามแปลให้ฟังดูเป็นไทย ๆ ไม่ควรแปล ตรง ๆ ตามสำนวนเดิม
                ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://e-book.ram.edu/e-book/e/en322/en322_10_01.htm               


Technique      02        การแปลประโยคกรรม (Passive voice)

รูปประโยคกรรมในภาษาอังกฤษมี  2  ชนิด คือ
1.           ประโยคกรรมชนิดไม่มีตัวการ (ผู้กระทำ)  ปรากฏอยู่ในประโยค 
(
Non-agentive  or  agentless  passives)  เช่น   The shop was burned down.
2.          ประโยคกรรมชนิดมีตัวการ (ผู้กระทำ) ปรากฏอยู่ในประโยค  
(
Agentive passives)  เช่น  The letter  was written by a boy.
วิธีแปล
ในการแปลประโยคกรรมจากภาษาอังกฤษเป็นไทยนั้น  ผู้แปลจะต้องพิจารณาปริบท (context)  ในภาษาอังกฤษอย่างรอบคอบ  เพื่อดูความหมายที่แฝงอยู่  ถ้าปริบทเป็นประสบการณ์ในเชิงลบ หรือความหมายในทางไม่ดี เวลาแปลก็ให้ใช้ประโยคกรรมแบบที่    
1.  คือ ประโยคกรรมถูก ถ้าปริบทเป็นประสบการณ์อันน่าพึงพอใจ หรือบ่งบอกถึงสถานการณ์อันน่ายินดี ก็ให้ใช้ประโยคกรรมได้รับ หรือประโยคกรรมแบบที่                                                            
2. หากปริบทบ่งบอกว่าประธานเป็นเพียงผู้รับผลการกระทำจากใครคนใดคนหนึ่งหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ให้ใช้ประโยคกรรมแบบที่
3.  ซึ่งมีนัยความหมายเป็นกลาง ประโยคกรรมมีนัยความหมายเป็นกลางจะทำหน้าที่บอกกล่าว  เล่าเรื่องหรือรายงานเหตุการณ์  สถานการณ์

ประโยคกรรมนัยความหมายไม่ดี
The police station at Mukdaharn was attacked by a group of terrorists   on  Sunday.  สถานีตำรวจที่มุกดาหารถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายโจมตีเมื่อวันอาทิตย์   

ประโยคกรรมนัยความหมายดี
He was appointed the chairman of the company.  เขาได้รับแต่งตั้งเป็นประธานบริษัท 

ประโยคกรรมนัยความหมายเป็นกลาง
This building has been well designed to conserve energy.
ตึกนี้ออกแบบมาเป็นอย่างดีให้ประหยัดพลังงาน ขอขอบคุณข้อมูลจาก 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น