ในความคิดเห็นส่วนตัวผม/การเรียนภาษาอังกฤษมีความสำคัญมาก/สำคัญกับทุกเพศ/ทุกวัย
แต่การเรียน...วิธีการเรียน...ของแต่ละวัยย่อมแตกต่างกัีน
สำหรับวัยทำงานการที่จะไปนั่งติว...นั่งเรียน...อาจยากลำบาก...เนื่องจากมีภาระหนี้สินที่ต้องจัดการ
แต่หากเป็นวัยเรียน...นักเรียนนักศึกษา...การลงติวแม้จะไม่ใช่หนทางเดียวที่จะทำคะแนนสอบได้ดี
แต่การติวก็ถือได้ว่าเป็นหนทางที่...สะดวกรวดเร็ว...และได้ผล
ดังคำกล่าวที่ว่า...ทุ่มฝึกหนัก 3 ปี...ยังมิสู้ 1 อาจารย์ชี้แนะ
ผมเองเป็นคนที่อ่อนภาษาอังกฤษมากคนหนึ่ง
หากให้ผมไปเรียน/ไปสอบ/แข่งกับเด็กนักเรียน....ผมแพ้ขาดลอยแน่นอน
ดังนั้นแล้วผมเองก็มักเข้าไปเสาะแสวงหาความรู้ตามเวบไซต์ต่างๆ
ที่ผมชอบรูปแบบการสอน...ดูแล้วไม่ง่วง...มีสาระมากมาย
คือของอาจารย์สมศรีและครูพี่แนนครับ
ผมเองซื้อตำราครูพี่แนนมาเก็บไว้...AX22และอื่นๆ
เน้นนะครับ ...ซื้อเก็บนะครับ...ไม่ได้อ่าน
ผมชอบมากก็เป็นสำนัก Enconcept ...ผมเข้าไปอ่านบอร์ดเป้นประจำครับ
วันนี้ผมได้เข้าไปอาจ ..บังเอิญเจอกระทู้... "เรียนครูพี่แนน กับ ครูสมศรี ต่างกันอย่างไรบ้าง"
เห็นว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ...มีประโยชน์...เอาไว้แนะนำลูกหลานครับ
ผมขออนุญาต เอามาให้อ่านดังนี้ครับ
"ส่วนตัวเรียนทั้งสองที่ควบคู่กัน ไม่ก็สลับกันแต่ละเทอม ประทับใจต่างกันคนละแบบครับ
Grammar
พี่แนน - สอนอย่างเป็นระบบมากๆ อันนี้ชอบ แต่บางคอร์สน่าจะไปเร็วกว่านี้หน่อยก็ดีนะครับ แล้วก็จำอย่างมีเหตุมีผล
ครูสมศรี
- ค่อนข้างฮา บางครั้งอะไรที่ต้องจำ เค้าก็มีวิธีจำแปลกๆของเค้า(ตลกดี)
แล้วก็สอนทั้ง Grammar in use และ in exam บางครั้งเค้าแอบเบลอนิดๆ
(เด็กเล่นในห้องเรียนมากไปหน่อย) ก็ต้องมีคนเตือนอะครับ แต่ถือว่าดีพอสมควร
Vocab
ครูสมศรี-
อันนี้ส่วนตัวรู้สึกว่าโวแคบเค้าเริ่ดมากกกก มาเป็นกลุ่มๆ
และเห็นจริงในข้อสอบ วิธีจำของเค้าก็ติดหัว ตลกดี
พูดกระตุ้นให้เด็กกลับไปขยันที่บ้าน แล้วเราก็ต้องกลับไปทวนจริงๆอะ
พี่แนน
- ที่เวิร์กที่สุดคือ Memolody
แต่ต้องขอย้ำว่าบางเพลงจริงๆครับที่มันจำไม่ได้มันก็จำไม่ได้เลย
ในบางครั้งเพลงมีน้ำมากเกินไป
กว่าจะได้กลุ่มศัพท์ก็ร้องภาษาไทยจนลืมหมดแล้ว ส่วนกลอนคำศัพท์
โนคอมเม้นครับเมื่อเทียบกับวิธีจำของครูสมศรี
อ้อเห็นบางเรพบอกว่าเอนคอนสอนให้เดา unseen vocab
ครูสมศรีก็สอนเช่นกันนะครับ
Technology
พี่แนน - กินขาดจริงๆทั้งด้านเทคนิคการถ่ายทำที่เหมือนรายการทีวี มี SELF มีการวางอะไรที่เป็นระบบมากๆ อันนี้ยกให้
ครูสมศรี - เค้าก็มีกล้อง มีทีมงานเหมือนกัน มีตัดภาพ ตัดต่ออะไรเหมือนกันหมด เพียงแต่ยังไม่ professional เท่ากับ E-Studio เท่านั้น
Hospitality
ครูสมศรี
- ให้เป็นสุดยอดเลย
เท่าที่เรียนพิเศษมาแทบทุกสถาบันไม่เคยเจอที่ไหนพนักงานมีอัธยาศัยกับนัก
เรียนดีเท่านี้มาก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นสาขาดีวีดี
พนักงานก็ให้ความสำคัญกับน้องๆเหมือนสาขาใหญ่ มี service
ที่ทำให้เหมือนกับรู้สึกอยู่บ้านจริงๆ แบบเรียนแล้วประทับใจมากในส่วนนี้
เอนคอนเสป
- บอกตรงๆว่าสาขาที่ไม่ใช่สาขาพญาไทหรือสยามดิส
เค้าก็ทำเหมือนนักเรียนก็เป็นนักเรียนมาเรียนตามปกติ
บางครั้งทำหน้าบึ้งใส่อีก(บู้ๆ) แต่พี่บางคนก็ดีนะครับ
มีแค่จุดเสียบางคนเท่านั้นเอง ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งฝูง
Reading Tactics
ครูสมศรี - มีหลักการเพียงไม่กี่หลักการก็สามารถวิเคราะห์ modifier ได้ หาverbแท้ หาใจความสำคัญได้พอๆกัน
พี่แนน
- Strategic Structure ก็โอเคครับ
แต่ผมว่ามันเยิ่นเย้อมาไปหน่อยในบางครั้ง กับการที่ต้องมานั่งจำว่า
วงอันนี้ อันนี้ อันนี้ใช้ก้ามปู อันนี้ใช้วงเล็บอะครับ แต่ว่าก็คล้ายๆกัน
กินกันไม่ลงจริงๆ
Morality
ครูสมศรี+พี่แนน
- ดีเยี่ยมทั้งสองคนเลยครับ แต่ครูสมศรีเค้าจะพูดในห้องเรียนบ่อยหน่อย
อีกอย่างเค้าดูเป็นผู้ใหญ่ด้วยมั้ง เลยดูน่าเชื่อถือ
แต่พี่แนนก็ใช่ย่อยครับ profile ด้านนี้ดีพอๆกัน
Class Environment
พี่แนน - สาขาสดอยู่ที่พญาไท ส่วนมากเพื่อนๆในห้องก็เรียนเหมือนนั่งเรียนปกติ มีแซวบ้าง อะไรบ้าง ทั้งนักเรียนและพี่เวียง
ครูสมศรี
- สาขาสดอยู่ที่ศรีย่าน การเรียนในห้องค่อนข้างเหมือนบ้านมากกว่า ชิลๆ
มีแบบ คนนั่งพื้น ตีฉิ่งตีฉาบ ระนาด มีส่งจดหมายมา บางครั้งส่งของกินมาอีก
ก็ฮาๆดี บางครั้งพาหมามาอีกต่างหาก !!
บรรยากาศเลยไม่ค่อยตึงเครียดเท่าไหร่ครับ
ส่วนเรื่องที่ไม่ให้ลงเรียนอีกอันนี้ก็เข้าใจ แต่เคยไปถามครูมามันก็มีเหตุผลว่ามันจะไปกินที่น้องๆจริงๆ
แต่ถ้าใครที่จะซิ่วหรือมีเหตุผลอื่นๆต้องไปติดต่อพนักงานที่เคาเตอร์ดูครับ เค้าก็ไม่ได้ใจร้ายไม่ให้เรียนทุกคนหรอก
ส่วน
ตัวผมเรียนทั้งสองที่ ทำกิจกรรมกับทั้งสองสถาบัน (มากกว่าสองด้วยแหละ
การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ถูกมั้ย?)
ก็ได้ประสบการณ์แล้วความรู้มากในหลายๆด้าน
อีกอย่างอยากให้เรียนครูอาจารย์แบบมีคำนำหน้ากันหน่อยนะ
ครับ ไม่ใช่เห็นชื่อเค้าเป็นชื่อสถาบัน (ถ้ามีคนมาถาม เรียนไร
เฮ่ยกุเรียนแนนว่ะ ก็คงไม่พอใจกันใช่มั้ยครับ
อันนี้อยากให้ช่วยเรื่องการใช้คำกันนิดนึงเนอะ / ครูลิลลี่สอนมา ^^)
ถ้ามีอะไรนึกออกอีกจะมาเพิ่มเติมนะครับ"
25.12.55
24.12.55
ฝึกภาษาอังกฤษโดยไม่ง้อตำรา
การจะทำสิ่งใดให้สำเร็จล้วนต้องอาศัย...เวลา..ความอดทน..กำลังใจ
การจะเรียนภาษาอังกฤษให้สำเร็จก็เช่นกัน...ต้องอดทน...หมั่นทบทวน...อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะวัยผู้ใหญ่...ต้องอดทนมากเป็นพิเศษ
การเรียนภาษาอังกฤษให้สำเร็จ...การฟังเป็นหัวใจหลัก...เป็นตัวตัดสินว่าเราจะเรียนสำเร็จไหม
ดังนั้นเราต้องฟังมากที่สุดเท่าที่จะฟังได้...
เข้าห้องส้วม...ก็ฟัง
ตื่นนอน..ก็ฟัง
ก่อนนอน...ก็ฟัง
เพราะ Listening is the KEY
การฟังเปรียบเสมือนเราฟังเงินกับธนาคาร
ฝากแบบธรรมดา...ดอกเบี้ยต่ำ
ฝากประจำ...ดอกเบี้ยสูง
แต่ใช่ว่าฟังอย่างเดียวจะเก่งภาษาอังกฤษหรือสื่อสารภาษาอังกฤษได้
เพราะการเรียนภาษาอังกฤษ...เกิดจาการฟังเป็นหลัก...การพูดเป็นรอง
ซึ่งเราจะซึมซับไปเองตามธรรมชาติ...เหมือนอย่างที่เราเรียนภาษาไทย
ฟังและพูดมากแค่ไหน
ลองย้อนกลับไปตั้งแต่แรกเกิด
แน่นอนเราจำไม่ได้หรอกครับว่าเราพูดภาษาแม่ได้คำแรกตั้งแต่ตอนไหน
จากข้อมูล ...เฉลี่ยแล้วจะเริ่มพูดได้ เมื่อใช้เวลาในการฟังประมาณ 1 ปี หรือ 8,760 ชั่วโมง
ช่วงแรกๆจะฟังผิด พูดถูก
ฟังถูก พูดบ้าง
ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา
จุดประสงค์ของบทความความนี้ก็คือ
หากขี้เกียจอ่านหนังสือ...ขี้เกียจท่องศัพท์
ก็ขอให้ฟังเพลงและร้องตามเยอะๆเถอะครับ
การจะเรียนภาษาอังกฤษให้สำเร็จก็เช่นกัน...ต้องอดทน...หมั่นทบทวน...อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะวัยผู้ใหญ่...ต้องอดทนมากเป็นพิเศษ
การเรียนภาษาอังกฤษให้สำเร็จ...การฟังเป็นหัวใจหลัก...เป็นตัวตัดสินว่าเราจะเรียนสำเร็จไหม
ดังนั้นเราต้องฟังมากที่สุดเท่าที่จะฟังได้...
เข้าห้องส้วม...ก็ฟัง
ตื่นนอน..ก็ฟัง
ก่อนนอน...ก็ฟัง
เพราะ Listening is the KEY
การฟังเปรียบเสมือนเราฟังเงินกับธนาคาร
ฝากแบบธรรมดา...ดอกเบี้ยต่ำ
ฝากประจำ...ดอกเบี้ยสูง
แต่ใช่ว่าฟังอย่างเดียวจะเก่งภาษาอังกฤษหรือสื่อสารภาษาอังกฤษได้
เพราะการเรียนภาษาอังกฤษ...เกิดจาการฟังเป็นหลัก...การพูดเป็นรอง
ซึ่งเราจะซึมซับไปเองตามธรรมชาติ...เหมือนอย่างที่เราเรียนภาษาไทย
ฟังและพูดมากแค่ไหน
ลองย้อนกลับไปตั้งแต่แรกเกิด
แน่นอนเราจำไม่ได้หรอกครับว่าเราพูดภาษาแม่ได้คำแรกตั้งแต่ตอนไหน
จากข้อมูล ...เฉลี่ยแล้วจะเริ่มพูดได้ เมื่อใช้เวลาในการฟังประมาณ 1 ปี หรือ 8,760 ชั่วโมง
ช่วงแรกๆจะฟังผิด พูดถูก
ฟังถูก พูดบ้าง
ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา
จุดประสงค์ของบทความความนี้ก็คือ
หากขี้เกียจอ่านหนังสือ...ขี้เกียจท่องศัพท์
ก็ขอให้ฟังเพลงและร้องตามเยอะๆเถอะครับ
เร่งสปีดภาษาอังกฤษ
ขาดหายไปนานไม่ได้อัพเดทบทความเกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเลย
ที่ขาดหายไปเพราะผมเองก็ไม่ได้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมไปเจอเหตุการณ์กระตุ้น...เหตุจูงใจ..แรงพลักดัน
ให้ผมเร่งพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษแบบเร่งด่วน..รวดเร็ว..
เหตุการณ์ที่ผมเจอมี 2 เหตุการณ์ครับ
เหตุการณ์แรก...ที่ร้านขายยา
ฝรั่งตาน้ำข้าวจากประเทศไหนไม่รู้..มายืนทำหน้างง...หน้าร้านขายยา
ใช่ว่าเภสัชกรประจำร้านจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้
แต่ที่ฝรั่งยืนงง เพราะไม่มีป้ายที่เป็นภาษาอังกฤษ...ป้ายที่บ่งบอกว่า...นี้คือร้านขายยา
เหตุการณ์ที่สอง
ฝรั่งอีกแล้วครับ...ที่ร้านขายอาหาร...เขาสั่งอาหารไม่ได้
เด็กเสริฟ...กุ๊ก...ไม่รู้ว่าฝรั่งอยากกินอะไร
ฝรั่งเองก็อ่านเมนูภาษาไทยไม่ออก
เหตุที่ผมตื่นตนก...เพราะแถวบ้านผมเองเป็นเมืองเล็ก
เมืองที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว ...ยังมีฝรั่งมากมายเช่นนี้
ถ้าหากเปิดสมาคมการค้าแห่งอาเซียนแล้วจะเกิดอะไร
แน่นอนพ่อค้าแม่ขาย..หากไม่อยากโดนกลืนเพราะนโยบาย
คงต้องเร่งรีบ..พัฒนาภาษาอังกฤษทุกๆวันแล้วละครับ
ที่ขาดหายไปเพราะผมเองก็ไม่ได้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมไปเจอเหตุการณ์กระตุ้น...เหตุจูงใจ..แรงพลักดัน
ให้ผมเร่งพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษแบบเร่งด่วน..รวดเร็ว..
เหตุการณ์ที่ผมเจอมี 2 เหตุการณ์ครับ
เหตุการณ์แรก...ที่ร้านขายยา
ฝรั่งตาน้ำข้าวจากประเทศไหนไม่รู้..มายืนทำหน้างง...หน้าร้านขายยา
ใช่ว่าเภสัชกรประจำร้านจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้
แต่ที่ฝรั่งยืนงง เพราะไม่มีป้ายที่เป็นภาษาอังกฤษ...ป้ายที่บ่งบอกว่า...นี้คือร้านขายยา
เหตุการณ์ที่สอง
ฝรั่งอีกแล้วครับ...ที่ร้านขายอาหาร...เขาสั่งอาหารไม่ได้
เด็กเสริฟ...กุ๊ก...ไม่รู้ว่าฝรั่งอยากกินอะไร
ฝรั่งเองก็อ่านเมนูภาษาไทยไม่ออก
เหตุที่ผมตื่นตนก...เพราะแถวบ้านผมเองเป็นเมืองเล็ก
เมืองที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว ...ยังมีฝรั่งมากมายเช่นนี้
ถ้าหากเปิดสมาคมการค้าแห่งอาเซียนแล้วจะเกิดอะไร
แน่นอนพ่อค้าแม่ขาย..หากไม่อยากโดนกลืนเพราะนโยบาย
คงต้องเร่งรีบ..พัฒนาภาษาอังกฤษทุกๆวันแล้วละครับ
5.12.55
ฝึกreadingอย่างไรดี
ณ พ.ศ. นี้ ความรู้ ข้อมูลข่าวสารเพื่อนบ้านในอาเซียนดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ต้องรู้ ต้องเสาะแสวงหา และสิ่งที่จำเป็นต้องรู้มากกว่าก็คงเป็นภาษาอังกฤษนี้แหละครับ เพราะถ้าความรู้ภาษาอังกฤษอ่อน โดยเฉพาะทักษะ reading หากขาดการฝึกฝนให้ซ่ำซองแล้วไซร้ การรับรู้ข้อมูลข่าวสารย่อมยากลำบาก เพราะข้อมูลต่างๆล้วนเป็นภาษาอังกฤษเสียเป็นส่วนใหญ่
ความจริงแล้วทักษะภาษาอังกฤษที่จำเป็นก็มีทั้ง reading ,speaking,listeningและwriting แต่ผมยกreading เป็นทักษะแรกที่ต้องฝึกให้เก่ง เพราะนอกเหนือการฝึกเพื่อให้รับรู้ข่าวสารจากการอ่านแล้ว การทำข้อสอบGAT พาธ ภาษาอังกฤษ จะว่าจริงๆแล้วข้อสอบก็ทดสอบพาธreadingเป็นหลัก และหากใครทำข้อสอบภาษาอังกฤษได้คะแนนที่โดดเด่นเกินหน้าเกินตาเพื่อนๆแล้วละก็โอกาสที่จะได้เข้าเรียนในคณะที่ตนเองใฝ่ฝันย่อมเป็นไปได้สูง
วันนี้ผมได้เข้าไปอ่าน บล็อก http://intereladsd.blogspot.com เจ้าของบล็อกได้แนะนำวิธีการฝึก reading อย่างไรให้ได้ผล ซึ่งก็คือการอ่านภาษาอังกฤษทุกวัน สม่ำเสมอ จนกลายเป็นกิจวัตร โดยเลือกอ่านในเนื้อหาที่ชอบ ไม่ยาก และไม่ยาวเกินไป เรื่องเลือกบทความที่เราชอบ และไม่ยาก ไม่ยาวผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลยครับ เนื่องจากที่ผ่านมาผมสังเกตุผมเอง เวลาที่ผมทำข้อสอบ reading ถ้าบังเอิญเจอบทความที่ชอบ ผมจะมีสมาธิ ในการทำข้อสอบและคะแนนมักจะออกมาดี ทั้งๆที่ผมเองไม่ได้ชอบภาษาอังกฤษและไม่ได้เตรียมตัวสอบแต่อย่างไร
กลยุทธไม่ได้มีไว้ใช้ในเชิงสงคราหรือเชิงธุระกิจเท่านั้น แต่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาภาษาอังกฤษได้เช่นกันครับ เจ้าของบล็อกดังกล่าวขั้นต้นได้แนะนำกลยุทธในการฝึก reading ไว้น่าสนใจมากเลยครับ
เจ้าของบล็อกดังกล่าวเน้นย้ำด้วยว่า อุปกรณ์ที่แนะนำหากนำมาใช้ฝึก จะสามารถพัฒนาภาษาอังกฤษได้โดยไม่น่าเบื่อ คือ ได้ผลและสนุกนั้นเองครับ
กลยุทธที่ 2 http://www.gcflearnfree.org/reading
เจ้าของบล็อกแนะนำให้ใช้เวลากับเวบดังกล่าวมากสักหน่อย ผมเองก็ตั้งใจจะฝึก reading เหมือนกัน ผมตั้งใจว่าจะใช้เวลากับเวบดังกล่าวสัก 45-90 นาที แล้วลองมาดูกันครับว่าผมจะเก่ง reading มากขึ้นไหม
ความจริงแล้วทักษะภาษาอังกฤษที่จำเป็นก็มีทั้ง reading ,speaking,listeningและwriting แต่ผมยกreading เป็นทักษะแรกที่ต้องฝึกให้เก่ง เพราะนอกเหนือการฝึกเพื่อให้รับรู้ข่าวสารจากการอ่านแล้ว การทำข้อสอบGAT พาธ ภาษาอังกฤษ จะว่าจริงๆแล้วข้อสอบก็ทดสอบพาธreadingเป็นหลัก และหากใครทำข้อสอบภาษาอังกฤษได้คะแนนที่โดดเด่นเกินหน้าเกินตาเพื่อนๆแล้วละก็โอกาสที่จะได้เข้าเรียนในคณะที่ตนเองใฝ่ฝันย่อมเป็นไปได้สูง
วันนี้ผมได้เข้าไปอ่าน บล็อก http://intereladsd.blogspot.com เจ้าของบล็อกได้แนะนำวิธีการฝึก reading อย่างไรให้ได้ผล ซึ่งก็คือการอ่านภาษาอังกฤษทุกวัน สม่ำเสมอ จนกลายเป็นกิจวัตร โดยเลือกอ่านในเนื้อหาที่ชอบ ไม่ยาก และไม่ยาวเกินไป เรื่องเลือกบทความที่เราชอบ และไม่ยาก ไม่ยาวผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลยครับ เนื่องจากที่ผ่านมาผมสังเกตุผมเอง เวลาที่ผมทำข้อสอบ reading ถ้าบังเอิญเจอบทความที่ชอบ ผมจะมีสมาธิ ในการทำข้อสอบและคะแนนมักจะออกมาดี ทั้งๆที่ผมเองไม่ได้ชอบภาษาอังกฤษและไม่ได้เตรียมตัวสอบแต่อย่างไร
กลยุทธไม่ได้มีไว้ใช้ในเชิงสงคราหรือเชิงธุระกิจเท่านั้น แต่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาภาษาอังกฤษได้เช่นกันครับ เจ้าของบล็อกดังกล่าวขั้นต้นได้แนะนำกลยุทธในการฝึก reading ไว้น่าสนใจมากเลยครับ
เจ้าของบล็อกดังกล่าวเน้นย้ำด้วยว่า อุปกรณ์ที่แนะนำหากนำมาใช้ฝึก จะสามารถพัฒนาภาษาอังกฤษได้โดยไม่น่าเบื่อ คือ ได้ผลและสนุกนั้นเองครับ
กลยุทธแรกคือ http://www.gcflearnfree.org/reading/play/1
เมื่อเข้าไปแล้วจะมีภาพอยู่ทั้งหมด 42 ภาพ,
1 ภาพ คือ 1 กิจกรรม
ให้เลือกฝึกกิจกรรม Reading ตามใจชอบ
เมื่อเข้าไปแล้ว
มองไปด้านขวามือ จะเห็นคอลัมน์ขวามือใต้ The Activities ซึ่งจะมีทั้งหมด 9 กิจกรรม ให้เลือก
เมื่อเข้าไปแล้ว….
1.อ่านคำอธิบาย และคลิก Start
2.ใต้
Choose a category ให้เลือก 1 กิจกรรมที่จะเล่น (มีทั้งหมด 42 กิจกรรม)
-ถ้ามี text ท่านจะอ่านเลย,
หรือจะคลิกที่ไอคอนรูปลำโพงเพื่อฟังเสียงอ่านก็ได้
(คลิกซ้ำเพื่อฟังซ้ำ)
-ถ้าจะอ่านหรือฟังหน้าถัดไป ให้คลิกรูปสามเหลี่ยม ที่ขอบขวาของหน้า
-ถ้าจะอ่านหรือฟังหน้าก่อนหน้า ให้คลิกรูปสามเหลี่ยม ที่ขอบซ้ายของหน้า